Description
คำถาม: กรุณายกอัลกุรอานและหะดีษเกี่ยวกับความสำคัญของหิญาบสำหรับสตรี ฟัตวาจากเว็บ อิสลามถามตอบ หมายเลขฟัตวา 13998
คำแปลภาษาอื่นๆ 2
آيات وأحاديث في الحجاب
เว็บอิสลาม ถามตอบ
ترجمة: فريق موقع بنات الهدى
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
คำถาม:
กรุณายกอัลกุรอานและหะดีษเกี่ยวกับความสำคัญของหิญาบสำหรับสตรี
คำตอบ:
มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ
﴿وَقُل لِّلْمُؤْمِنَاتِ يَغْضُضْنَ مِنْ أَبْصَارِهِنَّ وَيَحْفَظْنَ فُرُوجَهُنَّ وَلَا يُبْدِينَ زِينَتَهُنَّ إِلَّا مَا ظَهَرَ مِنْهَا وَلْيَضْرِبْنَ بِخُمُرِهِنَّ عَلَى جُيُوبِهِنَّ وَلَا يُبْدِينَ زِينَتَهُنَّ إِلَّا لِبُعُولَتِهِنَّ أَوْ آبَائِهِنَّ أَوْ آبَاء بُعُولَتِهِنَّ أَوْ أَبْنَائِهِنَّ أَوْ أَبْنَاء بُعُولَتِهِنَّ أَوْ إِخْوَانِهِنَّ أَوْ بَنِي إِخْوَانِهِنَّ أَوْ بَنِي أَخَوَاتِهِنَّ أَوْ نِسَائِهِنَّ أَوْ مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُهُنَّ أَوِ التَّابِعِينَ غَيْرِ أُوْلِي الْإِرْبَةِ مِنَ الرِّجَالِ أَوِ الطِّفْلِ الَّذِينَ لَمْ يَظْهَرُوا عَلَى عَوْرَاتِ النِّسَاء وَلَا يَضْرِبْنَ بِأَرْجُلِهِنَّ لِيُعْلَمَ مَا يُخْفِينَ مِن زِينَتِهِنَّ وَتُوبُوا إِلَى اللهِ جَمِيعاً أَيُّهَا الْمُؤْمِنُونَ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَ﴾ (النور : 31 )
ความว่า “และจงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แก่บรรดาผู้ศรัทธาหญิงทั้งหลาย ให้พวกนางลดสายตาของพวกนางลงต่ำ (จากสิ่งต้องห้าม) และให้พวกนางรักษาทวารของพวกนาง (จากการประพฤติผิดทางเพศ) และอย่าเปิดเผยเครื่องประดับ เว้นแต่สิ่งที่เปิดเผยได้ (เช่น ตาทั้งสองข้างเพราะความจำเป็นในการมอง ฝ่ามือด้านนอก หรือตาข้างหนึ่ง หรือเสื้อผ้า เช่น ผ้าคลุม ถุงมือ) และให้พวกนางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของนางลงมาถึงญุยูบิฮินนะ (คือคอเสื้อคลุมของพวกนาง ซึ่งรวมใบหน้า คอ และหน้าอก) และอย่าให้พวกนางเปิดเผยเครื่องประดับของพวกนาง เว้นแต่แก่สามีของพวกนาง หรือบิดาของพวกนาง หรือบิดาของสามีของพวกนาง หรือลูกชายของพวกนาง หรือลูกชายของสามีของพวกนาง หรือพี่ชายน้องชายของพวกนาง หรือลูกชายของพี่ชายน้องชายของพวกนาง หรือลูกชายของพี่สาวน้องสาวของพวกนาง หรือพวกผู้หญิง (มุสลิม) ของพวกนาง หรือที่มือขวาของพวกนางครอบครอง (ทาสี) หรือคนใช้ผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกทางเพศ หรือเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องเพศสงวนของผู้หญิง และอย่าให้นางกระทืบเท้าของพวกนาง เพื่อให้ผู้อื่นรู้สิ่งที่พวกนางควรปกปิดในเครื่องประดับของพวกนาง และพวกเจ้าทั้งหลายจงขอลุแก่โทษต่ออัลลอฮฺเถิด โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ" [อันนูร 24:31]
﴿وَالْقَوَاعِدُ مِنَ النِّسَاء اللَّاتِي لَا يَرْجُونَ نِكَاحاً فَلَيْسَ عَلَيْهِنَّ جُنَاحٌ أَن يَضَعْنَ ثِيَابَهُنَّ غَيْرَ مُتَبَرِّجَاتٍ بِزِينَةٍ وَأَن يَسْتَعْفِفْنَ خَيْرٌ لَّهُنَّ وَاللهُ سَمِيعٌ عَلِيمٌ﴾ (النور : 60 )
ความว่า “และบรรดาหญิงวัยชราซึ่งพวกนางไม่ปรารถนาที่จะสมรสแล้ว ไม่เป็นที่น่าตำหนิแก่พวกนางที่จะเปลื้องเสื้อผ้า (ภายนอก) ของนางออก โดยไม่เปิดเผยส่วนงดงาม และหากพวกนางงดเว้นเสียก็จะเป็นการดีแก่พวกนาง และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้" [อันนูร 24:60]
หญิงวัยชรา หมายถึง สตรีที่ไม่มีประจำเดือนนานแล้ว ซึ่งพวกนางไม่สามารถตั้งครรภ์และมีบุตรได้
ต่อไปจะมีคำอธิบายของ หัฟเศาะหฺ บินตุ ซีรีน เกี่ยวกับคำอายะฮฺนี้
﴿يَا أَيُّهَا النَّبِيُّ قُل لِّأَزْوَاجِكَ وَبَنَاتِكَ وَنِسَاء الْمُؤْمِنِينَ يُدْنِينَ عَلَيْهِنَّ مِن جَلَابِيبِهِنَّ ذَلِكَ أَدْنَى أَن يُعْرَفْنَ فَلَا يُؤْذَيْنَ وَكَانَ اللهُ غَفُوراً رَّحِيماً﴾ (الأحزاب : 59 )
ความว่า “โอ้นบี (มุฮัมมัด) เอ๋ย จงกล่าวแก่ภรรยาของเจ้าและบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดทั้งเรือนร่าง (ปกปิดอย่างสมบูรณ์ยกเว้นตาหนึ่งหรือสองข้างเพื่อมองทาง) นั่นเป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก (ในฐานะหญิงอิสรชน) เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ" [อัลอะหฺซาบ 33:59]
﴿يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لَا تَدْخُلُوا بُيُوتَ النَّبِيِّ إِلَّا أَن يُؤْذَنَ لَكُمْ إِلَى طَعَامٍ غَيْرَ نَاظِرِينَ إِنَاهُ وَلَكِنْ إِذَا دُعِيتُمْ فَادْخُلُوا فَإِذَا طَعِمْتُمْ فَانتَشِرُوا وَلَا مُسْتَأْنِسِينَ لِحَدِيثٍ إِنَّ ذَلِكُمْ كَانَ يُؤْذِي النَّبِيَّ فَيَسْتَحْيِي مِنكُمْ وَاللهُ لَا يَسْتَحْيِي مِنَ الْحَقِّ وَإِذَا سَأَلْتُمُوهُنَّ مَتَاعاً فَاسْأَلُوهُنَّ مِن وَرَاء حِجَابٍ ذَلِكُمْ أَطْهَرُ لِقُلُوبِكُمْ وَقُلُوبِهِنَّ وَمَا كَانَ لَكُمْ أَن تُؤْذُوا رَسُولَ اللهِ وَلَا أَن تَنكِحُوا أَزْوَاجَهُ مِن بَعْدِهِ أَبَداً إِنَّ ذَلِكُمْ كَانَ عِندَ اللهِ عَظِيماً﴾ (الأحزاب : 53 )
ความว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าอย่าได้เข้าไปในบ้านทั้งหลายของนบี เว้นแต่จะเป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้า เพื่อรับประทานอาหาร โดยมิต้องคอยการปรุงอาหารให้สุกเสียก่อน แต่เมื่อพวกเจ้าได้รับเชิญก็จงเข้าไป ครั้นเมื่อพวกเจ้ารับประทานอาหารเสร็จแล้วก็จงแยกย้ายกันออกไป และอย่าเป็นผู้ชอบวิสาสะในการสนทนา แท้จริงในการนั้นย่อมทำความรำคาญให้แก่ท่านนบี ซึ่งท่านกระดากอายพวกเจ้า แต่อัลลอฮฺไม่ทรงกระดากอายต่อความจริง และเมื่อพวกเจ้าขอสิ่งใดจากพวกนางก็จงขอพวกนางจากหลังม่าน เช่นนั้นแหละเป็นการบริสุทธิ์อย่างยิ่งแก่จิตใจของพวกเจ้าและจิตใจของพวกนาง และไม่เป็นการบังควรแก่พวกเจ้าที่จะก่อความรำคาญให้แก่ร่อซูลของอัลลอฮฺ และพวกเจ้าจะต้องไม่แต่งงานกับบรรดาภริยาของท่าน หลังจากท่าน (ได้สิ้นชีพไปแล้ว) เป็นอันขาด แท้จริงในการนั้น ณ ที่อัลลอฮฺเป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงนัก" [อัลอะหฺซาบ 33:60]
หลักฐานจากอัลหะดีษ
ในอีกรายงานหนึ่งรายงานโดย อบูดาวูด (4102) ดังนี้ “ขออัลลอฮฺทรงเมตตาสตรีชาวมุฮาญิร เมื่ออัลลอฮฺทรงประทานอายะฮฺ “และให้พวกนางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของพวกนางลงมาจนถึงญุยูบิฮินนะ (ร่างกาย ใบหน้า คอ และหน้าอก)" พวกนางฉีกส่วนที่หนาที่สุดของผ้ากันเปื้อนของพวกนางและใช้มันปกปิดใบหน้า"
ชัยคฺ มุฮัมมัด อัลอะมีน อัชชันกีฏี เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า หะดีษนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงสิ่งที่บรรดาเศาะหาบียะฮฺเข้าใจต่ออายะฮฺ “และให้นางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของพวกนางลงมาจนถึงญุยูบิฮินนะ" ว่าหมายถึงให้ปกปิดใบหน้า และพวกนางได้ฉีกเสื้อผ้าของนางเพื่อปกปิดใบหน้า เป็นการเชื่อฟังคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺในอายะฮฺนี้ ดังนั้นบุคคลที่มีใจเป็นกลางจะเข้าใจว่า การคลุมหิญาบและการคลุมหน้าของสตรีต่อหน้าผู้ชายถูกสั่งใช้ในซุนนะฮฺที่เศาะฮีหฺซึ่งอธิบายคัมภีร์ของอัลลอฮฺ ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ยกย่องสตรีที่รีบทำตามคำสั่งใช้ที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมาในคัมภีร์ของพระองค์ เป็นที่ทราบกันว่าความเข้าใจของพวกนางในอายะฮฺ “และให้นางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของพวกนางลงมาจนถึงญุยูบิฮินนะ" ว่าหมายถึงการคลุมหน้านั้นมาจากท่านนบี เพราะท่านนบี อยู่ที่นั่นและบรรดาสตรีจะถามท่านเกี่ยวกับทุกสิ่งที่นางไม่เข้าใจในศาสนา อัลลอฮฺตรัสว่า
﴿وَأَنزَلْنَا إِلَيْكَ الذِّكْرَ لِتُبَيِّنَ لِلنَّاسِ مَا نُزِّلَ إِلَيْهِمْ وَلَعَلَّهُمْ يَتَفَكَّرُونَ﴾ (النحل : 44 )
ความว่า “และเราได้ประทานลงมาให้แก่เจ้า (มุฮัมมัด) ซึ่งซิกรฺ (คำแนะนำและข้อตักเตือน หมายถึง ซุนนะฮฺ) เพื่อเจ้าจะได้ชี้แจงแก่มนุษย์ ซึ่งสิ่งที่ได้ถูกประทานมาแก่พวกเขา (คือ อัลกุรอาน) และเพื่อพวกเขาจะได้ไตร่ตรอง" [อันนะหฺล 16:44]
อิบนุ หะญัร เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวในฟัตหุลบารี ว่า รายงานของ อิบนุ อบี หาติม จาก อับดุลลอฮฺ อิบนุ อุษมาน อิบนุ ค็อยซัม จากเศาะฟียะฮฺ อธิบายว่า รายงานนี้กล่าวว่า เราได้อ้างถึงสตรีชาวกุร็อยชฺและความดีของพวกนางที่ปรากฏในคำกล่าวของท่านหญิงอาอิชะฮฺ ว่า “สตรีชาวกุร็อยชฺเป็นคนดี แต่ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันไม่เคยเห็นใครดีกว่าหรือศรัทธาต่อคัมภีร์ของอัลลอฮฺและวะฮียฺอย่างเข้มแข็ง มากไปกว่าสตรีชาวอันศอร เมื่อซูเราะฮฺอันนูรถูกประทานลงมา “และให้นางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของพวกนางลงมาจนถึงญุยูบิฮินนะ" ผู้ชายในครอบครัวของพวกนางมายังพวกนางและอธิบายสิ่งที่ถูกประทานลงมา และไม่มีสตรีคนใดในหมู่พวกนางเว้นแต่ได้ฉีกผ้าเอามาปิดหน้า และติดตามด้วยการละหมาดยามเช้าในสภาพที่ห่อหุ้มเหมือนมีกาอยู่บนศีรษะของพวกนาง" หะดีษนี้ได้ถูกบันทึกอย่างชัดเจนในรายงานของอัลบุคอรีก่อนหน้านี้ ซึ่งเราทราบว่า ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เป็นผู้มีความรอบรู้และเคร่งครัดศาสนา ได้ยกย่องบรรดาสตรีชาวอันศอรจากการกระทำดังกล่าวว่า ไม่เคยเห็นสตรีคนใดศรัทธาในคัมภีร์ของอัลลอฮฺและวะฮียฺอย่างเข้มแข็งเท่ากับพวกนาง นี่เป็นการชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พวกนางเข้าใจอายะฮฺ “และให้นางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของพวกนางลงมาจนถึงญุยูบิฮินนะ" ว่าหมายถึงคำสั่งบังคับใช้ให้ปิดใบหน้า และสิ่งนี้เกิดจากความศรัทธาของพวกนางต่อคัมภีร์ของอัลลอฮฺและวะฮียฺ การคลุมหิญาบและการคลุมหน้าของสตรีเมื่อยู่ต่อหน้าชายที่ไม่ใช่มะหฺร็อมเป็นการกระทำของผู้ศรัทธาต่อคัมภีร์ของอัลลอฮฺและวะฮียฺ เป็นเรื่องแปลกมากสำหรับบางคนที่อ้างว่ามีความรู้กลับกล่าวว่า การคลุมหน้าของสตรีเมื่ออยู่ต่อหน้าชายที่ไม่ใช่มะหฺร็อมนั้นไม่มีปรากฏในอัลกุรอานและซุนนะฮฺ ทั้งๆ ที่บรรดาเศาะหาบียะฮฺปฏิบัติด้วยความเชื่อฟังในคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ การให้ความหมายดังกล่าวนี้ตั้งมั่นอยู่ในซุนนะฮฺซึ่งรายงานจากอัลบุคอรีที่อ้างอิงก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ในบรรดาหลักฐานที่แข็งแรงที่สุดว่าสตรีทุกคนถูกสั่งใช้ให้คลุมหิญาบ (อัฎวาอ์ อัลบะยาน, 6/594-595)
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดูคำถามหมายเลข 6991
และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ที่สุด
Islam Q&A