Description
รู้จักและเข้าใจเนื้อหาของอิสลาม ผ่านโองการอัลกุรอาน จากสูเราะฮฺ อัด-ดุคอน เหมาะสำหรับผู้สนใจอิสลาม ที่ต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของอิสลาม จากพระมหาคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้า
เพื่อปลดเปลื้องความแห้งแล้ง
تأملات في سورة الدخان
อะหมัดซิดดิก อับดุลรอฮฺหมาน
أحمد صديق عبد الرحمن
ตรวจทาน: ซุฟอัม อุษมาน
مراجعة: صافي عثمان
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
อัลกุรอานที่คนมุสลิมทั่วโลกศรัทธากันในวันนี้คือพระมหาคัมภีร์ปาฏิหารย์ อันจีรังและพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานอันชัดแจ้ง แท้จริงอัลลอฮฺพระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลจักรวาลพระองค์ทรงได้ประทานอัลกุรอานลงมาในคืนอันจำเริญ ซึ่งเป็นคืนอัน ประเสริฐยิ่งของเดือนเราะมะฎอน แท้จริงพระองค์ทรงตักเตือนมนุษยชาติด้วยพระบัญชาของพระองค์ในพระคัมภีร์เล่มสุดท้ายนั่นคืออัลกุรอาน
ทุกๆ กิจการที่สำคัญของมนุษย์ได้ถูกจำแนกและถูกจัดเตรียมไว้ โดยที่อัลลอฮฺทรงคัดเลือกคืนอันมีเกียรติยิ่งนัก เพื่อประทานคัมภีร์ฉบับสุดท้ายให้แก่ศาสนทูตคนสุดท้ายของพระองค์
แท้จริงอัลกุรอานนั้นคือพระบัญชามาจากอัลลอฮฺ พระเจ้าแห่งมนุษยชาติ พระองค์ ส่วนคัมภีร์อัลกุรอานมาเพื่อเป็นความเมตตามาจากพระเจ้าให้แก่พวกเราแท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ พระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง หากพวกมันเป็นผู้เชื่อมั่น
ไม่มีพระเจ้าใดที่ถูกกราบไหว้โดยเที่ยงแท้ นอกจากอัลลอฮฺพระองค์เดียว แท้จริงพระองค์นั้นคือ พระเจ้าผู้ทรงให้เป็นและผู้ทรงให้ตาย พระเจ้าของพวกเราและพระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเราในสมัยก่อน ๆ
ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธอัลลอฮฺพระผู้สร้างเรา และพวกที่มิได้มีความเชื่อมั่นในคัมภีร์อัลกุรอาน พวกเขาเหล่านั้นจะคงอยู่ในการสงสัยในเรื่องการฟื้นคืนชีพ และพวกเขากังวล เหยียดหยาม หยิ่งยโส
ในสมัยที่ท่านมุฮัมมัดศาสนทูตของอัลลอฮฺได้เผยแผ่ศาสนาอิสลาม ในเมืองมักกะฮ หมู่ชนของท่านได้ปฏิเสธและเย้ยหยันการเรียกร้องของท่าน และอัลลอฮฺได้ทรงตักเตือนพวกเขาพร้อมปลอบใจท่านศาสนทูตของพระองค์ว่า: “ดังนั้น เจ้าจงคอยเฝ้าดูวันที่ชั้นฟ้าจะนำไอหมอกออกมาซึ่งจะเห็นชัด แล้วจะครอบคลุมผู้คน”
ดังนั้น อัลลอฮฺทรงลงโทษพวกเขาด้วยความแห้งแล้ง ในวันเวลาที่ท้องฟ้าซึ่งหมอกอย่างหนาทึบออกมา ซึ่งทุกคนมองเห็นได้ชัดแจ้ง และได้ปกคลุมพวกเขาในทุกๆ ด้าน พวกเขาก็เลยกล่าวว่า: “นี่คือการลงโทษอันเจ็บปวด” แล้วพวกเขาก็ได้วิงวอนขอต่ออัลลอฮฺว่า : “ข้าแต่พระเจ้าของข้า ขอให้พระองค์ทรงได้ปลดเปลื้องการลงโทษอันนี้ให้พ้นจากข้าพระองค์ด้วยเถิด แท้จริงพวกข้าเป็นผู้ศรัทธา”
ข้อตักเตือนนั้นหาป็นผลแก่พวกเขาไม่ ทั้งๆ ที่ได้มีท่านมุฮัมมัดศาสนทูตของพระองค์ ซึ่งเป็นผู้ชี้แจงอย่างชัดเจนมายังพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาก็ผินหลังออกไปจากท่ามุฮัมมัดศาสนทูตของพระองค์ และพวกเขาก็ได้กล่าวแก่ท่านมุฮัมมัดศาสนทูตของพระองค์ว่า “เป็นคนบ้าทีได้รับการเสี้ยมสอน”
หลังจากนั้น อัลลอฮฺทรงได้ปลดเปลื้องการลงโทษนั้นให้พ้นไปจากพวกเขาในระยะหนึ่ง แล้วพวกเขาก็กลับไปสู่สภาพเดิม คือการทำเคารพสักการะเจว็ดต่าง ๆ การดื้อรั้น และการฝ่าฝืนต่ออัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์ พวกเขาไม่รักษาคำมั่นสัญญาขณะที่วิงวอนขอเมื่ออยู่ในสภาพคับขัน
โอ้ หมู่ชนของฉันเอ๋ย ! พวกท่านจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺเถิด และจงเชื่อฟังและปฏิบัติตามท่านมุฮัมมัดศาสนทูตท่านสุดท้ายของพระองค์เถิด และจงอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ศรัทธา
โอ้ หมู่ชนของฉันเอ๋ย ! ฉันกลัวแทนพวกท่าน ถึงวันแห่งการลงโทษของอัลลอฮฺ วันที่พระองค์จะทรงปราบบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ด้วยการปราบครั้งยิ่งใหญ่ แน่นอนพระองค์เป็นผู้ตอบแทนอย่างสาสม
ฉันขอเชิญชวนท่านซึ่งเป็นพี่น้องของฉัน เพื่อท่านหันกลับมานับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นศาสนาอันดังเดิมที่นับถือ โดยอาดัมต้นตระกูลของมวลมนุษย์ทั้งโลก
และหากพวกท่านปฏิเสธการเรียกร้องของฉัน ในฐานะที่ฉันเป็นผู้เผยแผ่ศาสนาอิสลามตามแนวทางของท่านศาสดามุฮัมมัดศาสนทูตท่านสุดท้ายของอัลลอฮฺ แน่นอน ท่านมุฮัมมัดศาสนทูตท่านสุดท้ายของพระองค์ก็ได้ถูกปฏิเสธมาแล้ว และบรรดาศาสนทูตทั้งหลาย ของพระองค์ในสมัยก่อน ๆ ก็ได้ถูกปฏิเสธมาก่อนแล้วเหมือนกัน
แน่นอน อัลลอฮฺทรงได้ทดสอบหมู่ชนของฟาโรห์ และ ได้มีท่านนบีมูซา(โมเสส)ศาสนทูตผู้มีเกียรติมายังหมู่ชนของฟาโรห์ โดยท่านนบีมูซาได้กล่าวว่า: “จงมอบปวงบ่าวของอัลลอฮฺให้แก่ฉัน แท้จริงฉันคือศาสนทูตผู้ซื่อสัตย์มายังพวกท่าน และพวกท่านอย่ายกตัวเหนืออัลลอฮฺ แท้จริงฉันมาหาพวกท่านพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งและแท้จริงฉันขอความคุ้มครองต่อพระเจ้าของฉันและพระเจ้าของพวกท่านมิให้พวกท่านทำร้ายฉัน และถ้าหากพวกท่านไม่เชื่อฉันก็จงถอยห่างออกไปจากฉัน”
เมื่อพวกฟาโรห์ปฏิเสธและยืนกรานที่จะทำร้ายและจะฆ่าท่านนบีมูซาศาสนทูตของพระองค์ แล้วท่านนบีมูซาก็วิงวอนขอต่อพระเจ้าของเขาว่า: “ชนเหล่านี้เป็นหมู่ชนผู้กระทำผิด”
ฟาโรห์และพรรคพวกได้ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาเป็นผู้อธรรมยิ่ง และพวกเขาจะฆ่าท่านนบีมูซาพร้อมกับบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ
ดังนั้น อัลลอฮฺจึงได้ทรงบัญชาให้แก่ท่านนบีมูซาศาสนทูตของพระองค์ว่า : “จงเดินทางในเวลากลางคืน พร้อมด้วยปวงบ่าวของข้า เพราะพวกเจ้าจะถูกติดตามแน่นอน และจงปล่อยทะเลให้สงบนิ่ง (เหมือนเดิม) เพราะแท้จริงพวกเขาเป็นไพร่พลจมน้ำตาย”
ฟาโรห์พร้อมพรรคพวกของเขาได้ทิ้งสวนหลากหลาย และน้ำพุหลายแห่ง และเรือกสวน ไร่นา อาคารระโหฐานอันมีเกียรติและความสะดวกสบายที่พวกเขาสนุกสนานร่าเริง เช่นนั้นแหละอัลลอฮฺทรงได้ให้หมู่ชนอื่นรับมรดกครอบครองมัน คือ หลังฟาโรห์และพรรคพวกของเขาได้ถูกจมน้ำตายหมดแล้ว
การสูญเสียของพวกเขาในครั้งนี้ ไม่มีผู้ใดเสียใจร้องไห้เพราะความเสียดายเลย ชั้นฟ้าและแผ่นดินมิได้ร่ำไห้เพราะเสียดายพวกเขา และพวกเขาจะไม่ถูกประวิงเวลา เมื่อถึงเวลาที่อัลลอฮฺทรงกำหนดไว้ พระองค์ก็ทรงลงโทษพวกเขา และพระองค์ทรงให้วงศ์วานของอิสรออีลรอดพ้นจากการทรมานอย่างน่าอดสูจากฟาโรห์ แท้จริงฟาโรห์นั้นเขาเป็นผู้โอหังที่มาจากบรรดาผู้ฝ่าฝืน
และโดยแน่นอน พระองค์ได้เลือกวงศ์วานของอิสรออีลเหนือประชาชาติทั้งหลายในยุคนั้น เนื่องด้วยความรอบรู้ของพระองค์ และพระองค์ทรงได้ประทานสัญญาณต่างๆ แก่พวกเขาเป็นการทดสอบครั้งยิ่งใหญ่ เช่น ทะเลแยกอกจากกัน ให้เมฆเป็นร่มเงาแก่พวกเขา และให้น้ำผึ้งและนกคุ่มเป็นอาหารแก่พวกเขาในยามหลงทางและอื่นจากนั้น เพื่อเป็นการทดสอบว่าพวกเขาจะเป็นผู้ขอบคุณหรือผู้ทรยศ
แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และไม่เชื่อฟังท่านมุฮัมมัดศาสนทูตแห่งยุคของเรานี้ แน่นอนพวกเขาไม่เชื่อการมีวันฟื้นคืนชีพ และพวกเขาจะกล่าวว่า : “มันเป็นเพียงความตายครั้งแรกของเราและเราจะไม่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก ดั้งนั้น จงนำบรรพบุรุษของเรากลับมาอีกซิ หากท่านเป็นผู้สัตย์จริง”
พวกผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อท่านมุฮัมมัดศาสนทูตของอัลลอฮฺดีกว่า หรือว่าหมู่ชนของตุบบะอฺ (ชาวสะบะอฺแห่งเยเมน)และบรรดาหมู่ชนก่อนหน้าพวกเขาดีกว่า ? ซึ่งอัลลอฮฺทรงได้ทำหลายล้างพวกเขา เพราะพวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้กระทำผิดและปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺ
และอัลลอฮฺมิได้สร้างชันฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองอย่างไร้สาระ พระองค์มิได้สร้างทั้งสองนั้น เพื่ออื่นใด นอกจากเพื่อความจริงและเพื่อจะดูว่าใครเป็นผู้ขอบคุณ ใครเป็นผู้เนรคุณ ทั้งนี้หลังจากที่สารอิสลามได้มาถึงพวกเขา แต่ว่าส่วนมากพวกเขาไม่รู้
แท้จริงวันแห่งการตัดสินนั้นเป็นเวลาที่กำหนดไว้สำหรับพวกเขาทั้งหมด วันที่ญาติสนิทจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดให้แก่ญาติสนิทอีกคนหนึ่งได้ และพวกเขาเองก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ เว้นแต่ผู้ที่อัลลอฮฺทรงมีเมตตา แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
แท้จริงต้นซักกูมในนรกจะเป็นอาหารแก่ชาวนรก เพราะเขาคือผู้ทำบาปมากและผู้เนรคุณต่ออัลลอฮฺ มันเป็นเสมือนทองแดงที่ถูกต้มเดือดอยู่ในท้องของพวกเขาเหมือนกับน้ำร้อนที่เดือดพล่าน และมีเสียงแก่ยามเฝ้านรกว่า: “จงจับเขาไปและลากเขาไปสู่กลางไฟลุกโชน แล้วจงราดลงบนหัวเขาเป็นการลงโทษแห่งน้ำเดือด จงลิ้มรสการลงโทษซิ แท้จริงเจ้า(เคยพูดว่า)เป็นผู้มีอำนาจ ผู้มีเกียรติ แท้จริง นี่คือสิ่งที่เจ้าเคยสงสัยไว้”
แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาและยำเกรงต่ออัลลอฮฺ พวกเขาจะอยู่ในสถานที่อันสงบ และปลอดภัย ท่ามกลางสวนสวรรค์หลากหลาย และน้ำพุอีกหลายแห่ง พวกเขาจะสวมอาภรณ์ทำด้วยผ้าไหมละเอียด และผ้าไหมหยาบ หันหน้าเข้าหากัน เช่นนั้นแหละ อัลลอฮฺจะให้พวกเขามีคู่ครองเป็นหญิงสาววัยรุ่นมีดวงตาสวยงาม พวกเขาจะเรียกเอาผลไม้ทุกชนิดที่อยู่ในสวนสวรรค์นั้นอย่างปลอดภัย
ในสวนสวรรค์นั้น พวกเขาจะไม่ได้ลิ้มรสความตายนอกจากความตายครั้งแรก(ในโลกดุนยาแห่งนี้ ) และพระองค์จะทรงคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษแห่งไฟนรก เป็นความโปรดปรานจากพระเจ้าของเรา นั่นคือความสำเร็จอันใหญ่หลวง
ดังนั้น อัลลอฮฺจึงได้ทรงทำให้อัลกุรอานเป็นที่ง่ายดายในภาษาอาหรับเพื่อพวกเราจะได้ใคร่ครวญ หวังว่าพวกท่านจะศรัทธา และมีความยำเกรง มีคุณธรรม ต่อพระองค์อัลลอฮฺ แต่ส่วนมากของมวลมนุษย์ไม่ใคร่ครวญ
ดังนั้น สิ่งที่พวกปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺจะได้รับ คือ ความหายนะและไฟนรก และสิ่งที่บรรดาผู้นับถือศาสนาอิสลามจะได้รับ คือ ความสำเร็จ ชัยชนะและสวนสวรรค์
ฉะนั้น จงคอยดูเถิด แท้จริงพวกเขาก็จะเป็นผู้คอยดูเช่นกัน.
ท่านจงกล่าวเถิด คำปฏิญาณว่า : “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ, มุฮัมมัด รอซูลุลลอฮฺ” “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุฮัมมัดเป็นศาสนฑูตของอัลลอฮฺ” แน่นอน ท่านจะพบกับความสันติสุขในโลกนี้ และท่านจะพ้นจากไฟนรก และจะได้เข้าสวนสวรรค์ในวันปรโลก