Description
เรื่องราวการรับอิสลามของ ฮัมซะอ์ สังข์แสงทอง อดีตนักศิลป์ที่ทำงานด้านการปั้นมาก่อน บอกเล่าเรื่องราวของเขาที่นำไปสู่การศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า และการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ได้รับอิสลามเป็นแนวทางในการดำรงชีวิต
มุสลิมใหม่ ฮัมซะอ์ สังข์แสงทอง “ศาสนาอิสลามจริงๆ แล้วง่ายมากเลย”
﴿المسلم الجديد : حمزة سانج سينج تونج﴾
] ไทย – Thai – تايلاندي [
เว็บไซต์ อิสลามมอร์
ผู้ตรวจทาน : ทีมงานภาษาไทย อิสลามเฮ้าส์
2010 - 1431
﴿المسلم الجديد : حمزة سانج سينج تونج﴾
« باللغة التايلاندية »
موقع إسلام مور
مراجعة: فريق اللغة التايلاندية بموقع دار الإسلام
2010 - 1431
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
มุสลิมใหม่ ฮัมซะอ์ สังข์แสงทอง “ศาสนาอิสลามจริงๆ แล้วง่ายมากเลย”
ประวัติ
- ปัจจุบัน อายุ 40 ปี เปลี่ยนมารับอิสลามได้ 5 ปี
- จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ม.ศิลปากร สาขา จิตกรรมสากล และ ปริญญาตรี ม.พระนคร สาขานิเทศศาสตร์
- บ้านเดิมอยู่เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ
- ปัจจุบันเปิดร้านขายบะหมี่ ชื่อ "สะกิดพุง" ที่อยู่ 41/6-5 ถ.ราษฏร์อุทิศ 27/1 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม.
- รับทำงานโฆษณา ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ Creative director (Free lance)
สนทนา ถาม –ตอบ
Islam more : ทำไมถึงมาขายบะหมี่ ?
Hamza : การประกอบอาชีพทุกอย่างดีหมด แต่อยู่ที่แต่ละคนทำเพื่ออะไร ผมอยากได้เงินที่ฮะล้าล เพื่อที่จะเก็บไปทำฮัจญ์กับภรรยา แต่จะมีงานที่ทำฟรีแลนส์ เป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์อยู่ด้วย ผมคิดว่าถ้าจะเริ่มทำงานก็ต้องเริ่มที่การค้าขาย
Islam more : เคยพบปะมุสลิมก่อนที่จะเข้ารับอิสลามไหม ?
Hamza : ครับ แต่ก่อนผมมีเพื่อนเป็นมุสลิมที่เรียนด้วยกัน คลุกคลีกันมาตลอด จบช่างศิลป์งานปั้นมาด้วยกัน เพื่อนๆและผมก็ทำตัวเหมือนเด็กอาตร์ติสทั่วไป ทุกอย่างและเป็นติสที่ค่อนข้างแรงมากด้วย คือเพื่อนไม่ได้ทำตัวแตกต่างจากผม ไม่เคยเห็นเขาปฏิบัติดังที่มุสลิมควรปฏิบัติ ผมเลยไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างในศาสนา
แต่แล้วมีอยู่ปีหนึ่ง เขาได้ไปทำฮัจญ์ หลังจากกลับมาเขาเลิกในสิ่งที่ไม่ดีทุกอย่าง เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เลิกทุกอย่างจนผมและเพื่อนที่เรียนและทำงานด้วยกันงงมาก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนคนนี้ ผมเลยไปศึกษาดูว่าการประกอบพิธีฮัจญ์ที่เขาไปทำอะไรบ้าง เปิดหาในวีดีโอ ก็เห็นถึงความยิ่งใหญ่แต่ก็ไม่เข้าใจมากนัก ทุกวันนี้เพื่อนผมคนนี้เป็นคนที่ดีคนหนึ่ง ปฏิบัติศาสนกิจ เลี้ยงดูเด็กกำพร้า ดูแลกิจการครอบครัว มีอพาร์ทเม้นให้เช่า เลิกงานปั้นไปเลยครับ
Islam more : ทำไมถึงเข้ารับอิสลาม ?
Hamza : ผมเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตนเอง มีวิถีชีวิตเชื่อมั่นในตัวเอง แต่ก่อนผมก็ทำตัวแบบพุทธมาตลอด แต่พอได้รู้จักกับภรรยาเลยได้เรียนรู้ว่า แท้จริงแล้วมีคนสร้างเรา ความคิดและสติปัญญามีคนที่ให้เรามา เราไม่ได้คิดได้ด้วยตนเอง พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานมา และได้เริ่มเรียนรู้ว่าอัลลอฮ์ทรงสร้าง ทุกอย่างแม้กระทั่งเศษเสี้ยวของมัน แต่ก่อนคิดว่าเราทำทุกอย่างได้ด้วยตัวของเราเอง แต่สุดท้ายจริงๆ แล้ว อัลลอฮ์เป็นผู้ให้ความคิด ยิ่งเมื่อได้รู้จักกับภรรยาก็ได้เรียนรู้มากขึ้นและเริ่มเข้าใจเรื่องราวต่างๆ และได้ถามข้อสงสัยต่างๆ จนทำให้มีความรู้สึกว่าศาสนามันมีความคล้ายคลึงกัน แต่ในสิ่งที่เป็นอยู่มีความรู้สึกว่าที่เราปฏิบัติอยู่มันเพี้ยนไปเพี้ยนมา
ในขณะที่ผมเรียนเกี่ยวกับงานปั้น ก็มีความรู้สึกว่าไหว้อะไรกัน ตั้งแต่เป็นพุทธผมก็รู้สึกแบบนั้น เพราะผมปั้นเองมากับมือแล้วมาไหว้อะไรกันทำไม ผมปั้นเองก็รู้อยู่ว่ามันมาจากไหน ? ผมเป็นคนที่มีการศึกษาก็เลยว่าทำไมต้องมานั่งไหว้กัน จุดธูปไหว้กัน นั่นมันเป็นเรื่องทางไสยศาสตร์ จากนั้นผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลง แล้วพอมารู้จักกับภรรยาจึงเริ่มได้ศึกษามากขึ้น คำถามแรกที่ถามคือ ทำไมต้องมีผู้สร้าง ? แล้วเราเรียนศิลปะมาเราก็รู้ว่าใครคือคนสร้างแต่ละสิ่ง แต่ละอย่างมา จึงทำให้เรียนรู้มากขึ้น
Islam more : เปลี่ยนศาสนาก่อนแต่งงาน หรือ เพราะจะแต่งงานจึงเปลี่ยน ?
Hamza : เปลี่ยนก่อนครับ ผมขับรถจะไปทำงานและเห็นมัสยิดอยู่กลางทุ่งก็เลยเลี้ยวเข้าไปแล้วก็ไปขอเรียนศาสนาเพิ่ม เรียนการละหมาด เรียนรู้สิ่งต่างๆ จะเรียนทุกวันเสาร์ แต่จะมาคุยกับภรรยาว่าที่เราเรียนมานั้นใช่ไหม วิธีนี้ใช่ไหม จะมีการแลกเปลี่ยนความรู้กันตลอด หลังจากนั้นจึงตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาที่มัสยิดที่เรียนครับ
Islam more : แต่ก่อนที่เรียนศิลป์ กินเหล้า สูบบุหรี่ไหม ? เพราะทุกคนจะมองเป็นเรื่องปกติของเด็กศิลป์ เด็กอาร์ต เด็กติส
Hamza : ทุกอย่างครบครับ
Islam more : แล้วทำไมถึงเลิกได้ ?
Hamza : อันดับแรกเลยรู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์ไม่รู้ว่าจะกินไปทำไม อันดับสองรู้สึกว่ามีความกลัวอะไรบางอย่าง และที่กินมันเป็นเรื่องของทางสังคมมากกว่า การเข้ากลุ่มมันก็จะมีอย่างอื่นตามมา แต่พอเริ่มเรียนรู้มากขึ้นก็เลยเลิกเองโดยธรรมชาติ
Islam more : หยุดทีเดียวหรือค่อยๆ หยุด ?
Hamza : หยุดทีเดียวเลยครับ คือ พอคิดได้เสร็จปั๊บวันรุ่งขึ้นก็หยุดเลย เพราะกินเหล้าเป็นสิ่งที่หะรอม(ต้องห้ามในอิสลาม) ใครบอกว่าเลิกเหล้ายาก ผมว่ามันเป็นเรื่องของพฤติกรรม ถ้าเรากลัวอะไรสักอย่าง เราก็จะหยุดมันเองโดยอัตโนมัติ ผมรู้สึกว่าอัลลอฮ์เป็นผู้สร้างตัวของผมขึ้นมา เพราะฉะนั้นการงานทุกอย่างอยู่ที่อัลลอฮ์กำหนด ผมจึงไม่ต้องเข้าสังคมที่มีแต่สิ่งที่เป็นบาปก็ได้ เพราะคนส่วนใหญ่จะคิดว่าถ้ากินเหล้าเข้ากลุ่มแล้วจะได้งาน แต่ผมคิดว่าถ้าเราอยู่แบบนี้เราก็มีงานได้เหมือนกัน เพราะอัลลอฮ์เป็นผู้ให้งาน พอเชื่อแบบนี้ก็เลยหยุดเหล้า แต่ยังไม่ได้หยุดบุหรี่ เพิ่งจะมาหยุดได้เมื่อรอมาฏอนปีที่แล้วนี่เอง
Islam more : แสดงว่าบุหรี่เลิกยากกว่าเหล้า ?
Hamza : อาจจะเพราะทำงานทางด้านนี้มั้ง พอเลิกเหล้าได้ ก็มาเริ่มเลิกบุหรี่เพราะเหล้าเลิกยากสุดแล้ว บุหรี่ค่อยๆ ลดลง และผมก็ได้ยินว่ายังมีการถกเถียงกันเรื่องบุหรี่ แล้วก็ยังเถียงกันยังไม่จบ ผมมีความรู้สึกว่ามีบางอย่างยังไม่ยุติก็เลยค่อยๆ ลด แต่พอเริ่มเรียนรู้มากขึ้นก็ไม่รู้จะสูบบุหรี่ไปทำไม เหล้าว่าเลิกยากแล้วยังทำได้ ทำไมบุหรี่ง่ายกว่าจะทำไม่ได้ ก็เลยหยุด
Islam more : มีความรู้สึกอย่างไรหลังจากเข้ารับอิสลาม ?
Hamza : อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์ ครับ ผมไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร ศาสนาอิสลามจริงๆ แล้วง่ายมากเลย สามารถเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เรียนรู้และปฏิบัติไปด้วย เหมือนกับคนเรียนปริญญาตรี เรียนแล้วก็ต้องปฏิบัติไม่อย่างงั้นก็ไม่จบหลักสูตร แล้วก็จะได้เรียนต่อไปถึงปริญญาโท เอก ศาสนาต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ผมมาคิดว่าครึ่งชีวิตที่ผ่านมา ไม่รู้ไปทำอะไรมา ไปอยู่ไหนมา แล้วอีกครึ่งนึงที่เหลือผมจะเรียนทันหรือเปล่า
ครึ่งชีวิตแรกผมได้เรียนรู้เรื่องดุนยา(โลกนี้)ผ่านมาแล้ว ทีนี้เหลือครึ่งชีวิตหลังที่จะต้องเรียนรู้ต่อให้จบ ผมมองว่าถ้าเราใช้วิถีชีวิตในทางที่ถูกเรียบง่ายแบบอิสลามเป็นสิ่งที่ถูกต้อง จึงต้องใช้ชีวิตที่เหลือให้ดีที่สุดเพราะหลังจากโลกนี้แล้วยังมีโลกหน้าอยู่ เรียนรู้และปฏิบัติในโลกนี้เพื่อไขว่คว้าโลกหน้า เพราะเรายังมีโลกหน้าอยู่ หลักการใช้ชีวิตทางด้านศาสนา คือทำมากก็กำไรมาก ยิ่งรู้จักวิธีใช้ก็ต้องนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ยิ่งมีครอบครัวเราก็ต้องพาไปโลกหน้าด้วยกัน
แต่ก่อนคิดว่า ชีวิตมีแค่นี้เอง เดี๋ยวก็จบ ผมถึงมองว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่ไม่ยาก การใช้ชีวิตยากกว่า และการใช้ชีวิตแบบมีศาสนายากที่สุด
Islam more : มุมมองที่มองสังคมมุสลิม
Hamza : คือคำว่า พี่น้องที่มากกว่าคำว่าครอบครัว เห็นมุสลิมครั้งแรกยังไม่รู้จักคำว่าพี่น้อง เพราะนั่นคือเพื่อนเป็นปกติ พี่น้องก็คือพี่น้องในครอบครัวเรา แต่พอรู้จักว่าพี่น้องคือ ความบริสุทธิ์ใจในการดำรงชีวิต ความจริงใจที่มีให้กัน ก็เลยเข้าใจคำว่าพี่น้อง และจากตัวอย่างที่ดีในครอบครัวของภรรยาค่อนข้างจะรักกัน ความผูกพัน รอยยิ้ม ผมว่ามากกว่าพี่น้องของผมอีก ซึ่งแต่ก่อนไม่รู้ว่ารอยยิ้ม คือซุนนะฮ์(แนวทางปฏิบัติของศาสนทูต) ยิ้มก็คือยิ้ม และการละหมาดร่วมกันในครอบครัว ทำให้เราประทับใจในความเป็นพี่น้อง พอเริ่มเข้ากลุ่มจะรู้สึกว่า ทุกคนทำเหมือนกัน และเท่าเทียมกันนี่สิคือพี่น้อง ทุกคนทำสิ่งเดียวกัน ทำร่วมกัน ทำเพื่ออัลลอฮ์ ถึงแม้เขา จะมาจากไหนก็ตาม อยู่คนละประเทศกัน แต่เป้าหมายเดียวกัน คือ อัลลอฮ์เลยรู้สึก ว่านี่แหละคือ พี่น้องจริงๆ
อีกข้อหนึ่งคือ การเป็นต้นแบบที่ดีในสังคม เพราะครอบครัวทางฝ่ายภรรยาผม อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์ พวกเขาเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผม คือผมไม่ต้องไปหาแบบอย่างที่อื่น หรือต้องไปหาไกล ไปต่างจังหวัด หรือที่ไหนๆ เลยทำให้ผมได้เข้ามาใกล้ชิดกับอัลลอฮ์มากขึ้น
Islam more : อยากให้สังคมมุสลิมปรับปรุงด้านใดบ้าง ?
Hamza : อยากให้แลกเปลี่ยนความรู้ที่ดี มีความจริงใจในการแลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ใช่แบบครูสอนลูกศิษย์ คือ ความเป็นพี่น้องจริงๆ จะต้องแลกเปลี่ยนความรู้กันด้วยความรัก ไม่อยากให้มีความรู้สึกว่าเอามนุษย์เป็นที่ตั้ง พอเอามนุษย์เป็นที่ตั้งศาสนามันก็ไม่ใช่ เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง สุดท้ายศาสนาคืออะไร ถ้าแลกเปลี่ยนกันแล้ว ถกเถียงกันแล้วเป็นสิ่งที่ดีก็ อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์ แต่ถ้าแลกเปลี่ยนกันแล้วบาดหมางกันก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี
ผมไปละหมาดแทบทุกมัสยิดในกรุงเทพ เห็นคนถกเถียงกัน ยิ้มกัน ผมก็ชอบ ไม่มีใครชอบเห็นคนทะเลาะกันหรอกครับ ถ้าเถียงกันเรื่องศาสนาเหมือนกับสามีภรรยา เถียงกันรุนแรงสุดท้ายก็อยู่ด้วยกัน อยากให้ทุกคนคิดแบบนั้น เพราะฉะนั้นไม่ใช่แค่พี่น้อง แต่ต้องมากกว่านั้น เหมือนลิ้นกับฟันจะอย่างไรก็ต้องอยู่ด้วยกัน อยากให้ทุกคนเป็นแบบนั้น สุดท้ายก็มาละหมาดด้วยกัน
Islam more : เรียนรู้ศาสนาจากไหนบ้าง ?
Hamza : จากคนรอบข้าง อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์ ผมได้เพื่อนดีทุกคนเลย นี่ไงครับถึงบอกคำว่าพี่น้อง ผมได้รับจากมุสลิมเยอะมาก ตอนเปลี่ยนศาสนาครั้งแรกผมยังใส่ต่างหูอยู่เลย เดินเข้าไปละหมาดเลยเพราะไม่รู้เรื่อง ที่มัสยิดก็มีคนมาบอกว่า ฮัมซะอ์มีอะไรจะบอก อย่าโกรธนะ ถ้าเป็นคนพุทธ จะไม่เตือนแบบนี้ ผมก็ถามว่า อะไรหล่ะ เขาก็บอกว่า ขอได้ไหมต่างหูน่ะ ละหมาดนะ แค่เนี่ยะ ผมก็ถอดโดยง่ายดายเพราะไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว ผมก็บอกว่าขอบคุณมากที่เตือน ผมไม่รู้เรื่องเลย คือเราตักเตือนกันแบบไม่มีอีโก้ ทุกวันนี้ก็ยังคบกันอยู่
ผมไปละหมาดทุกมัสยิดเลยในกรุงเทพ และก็มีการตักเตือนกันแบบสุภาพมาก อัลลอฮ์ให้ครับ ไม่มีอีโก้ ผมว่าการเตือนกันด้วยความรักโดยไม่มีอีโก้เป็นความรักที่บริสุทธิ์นะ แต่ถ้าเตือนกันโดยวิธีที่ไม่ดี ถ้าอย่างนั้นผมจะรู้สึกถอดใจแล้ว มัสยิดนั้นผมก็ไม่กล้าเข้าแล้ว เพราะผมกลัวโดนดุ แต่ผมไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นกับทุกมัสยิดเลยนะ ทุกที่ที่ไปทุกคนต้อนรับกันดีหมด และตักเตือนกันด้วยวิธีแบบอิสลามดีที่สุด ผมว่านี่คือศาสนาที่ถูกต้องนะ
Islam more : มีปัญหากับครอบครัวเดิมไหม?
Hamza : ก่อนที่เปลี่ยนศาสนาก็ไปคุยกับแม่ไปลาแม่ แม่บอกว่า เอาเถอะทุกศาสนาดีหมด ขึ้นอยู่กับว่าเปลี่ยนแล้วเป็นคนชั่วหรือคนดี ผมก็เลยคิดว่าอัลลอฮ์เปิดมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าผมจะได้เปลี่ยนศาสนา ไม่มีปัญหากับครอบครัว ตอนนี้ผมก็พยายามศึกษาให้มากขึ้น เพราะอยากให้เขาเป็นอย่างที่ผมเป็น อินชาอัลลอฮ์ครับ
พ่อแม่ผมเริ่มเรียนรู้จากที่เขาเห็นว่าผมเรียนปั้น เขาก็รู้ว่าจะไหว้ไปทำไม แต่ผมยังแทรกไม่ได้ เพราะว่ามันจะแรง ผมก็จะพูดอย่างแรง พอผมเปลี่ยนมาปุ๊บผมก็มุ่งมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง และเขาเป็นพ่อแม่ผม ผมไม่อยากให้เขาเป็นกาเฟร (ผู้ปฏิเสธ) อินชาอัลลอฮ์ ผมอยากไปขอที่มักกะฮ์ว่าให้เปิดใจ ถึงแม้จะเป็นวันสุดท้าย ก็อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์ ถ้าพ่อแม่ผมเปลี่ยนได้
เชื่อไหมผมเคยคิดแผนการณ์ เพราะผมพูดไปก็ยังมีการถกเถียงกันอยู่แต่ด้วยความเคารพ เดี๋ยวผมจะแกล้งลืมอัลกุรอานที่บ้านตั้งทิ้งไว้ พอเขาเปิดอ่าน สักวันเขาจะต้องมาถามผม ถ้าเขามีคำถามผมก็จะได้พูดได้ อย่างทุกวันนี้ผมก็มีคำถามให้เขาว่า ไหว้อะไรในเมื่อผมเป็นคนปั้น ผมเรียนมาเขาก็เชื่อ แต่บังเอิญมันมีเรื่องของบรรพบุรุษเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็เลยยังแทรกไม่ได้ อินชาอัลลอฮ์ครับ
Islam more : มีความรู้สึกอย่างไรกับ อัลลอฮ์ ?
Hamza : อัลลอฮ์คือเป็น ที่ปรึกษาของผมทุกเรื่อง ปรึกษาทุกเรื่องในชีวิต ไม่ว่าจะทุกข์ จะสุข จะเศร้า ผมไม่สามารถพูดออกมาได้และมันไม่มีอะไรจะเปรียบเทียบกับพระองค์ได้ เป็นผู้เดียวที่ผมจะต้องอ้อนวอนขอตลอดไป ทุกครั้งที่ผมขอผมจะขอภาษาไทย และพยายามเรียนรู้ภาษาอาหรับอยู่ แต่กลัวว่าถ้ารู้ภาษาอาหรับจะเพียงแค่อ่านออก แต่ไม่เข้าใจ เวลาที่ขอดุอาร์ภาษาไทยทุกครั้งที่ละหมาดจะมีความรู้สึกเหมือนว่า อัลลอฮ์อยู่ต่อหน้าตลอดเวลา
Islam more : อยากทำอะไรเพื่ออิสลามบ้าง ?
Hamza : อยากเอาประสบการณ์ที่มีในครึ่งชีวิตแรกมาใช้ในครึ่งชีวิตที่เหลือในสังคมมุสลิม เช่น ความรู้ ความสามารถ เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ ให้สังคมได้รู้ว่ามุสลิมเรามีความสามารถอีกมากมาย หลากหลาย ไม่ใช่จะทำแต่เรื่องศาสนาอย่างเดียว หรือสุดโต่ง อยากให้เขารู้ว่ามุสลิมทำได้อีกหลายอย่าง ซึ่งมันเป็นภาพรวมที่ดี
Islam more : ทำไมถึงอยากไปทำฮัจญ์ ?
Hamza : ตอนแรกมองเหมือนกับเป็นกฏที่ต้องไป แต่สำหรับผมไม่ใช่ ด้วยความที่ผมเข้าเฝ้าอัลลอฮ์ทุกวัน นั่งขอดุอาอ์ปรึกษาทุกอย่าง ขอความช่วยเหลือตลอด คิดว่าระยะทางที่ผมอยู่มันไกลมาก จึงอยากไปให้ได้สัมผัสบรรยากาศ โดยเฉพาะบรรยากาศของความเป็นพี่น้องที่แท้จริง เพราะทุกวันนี้เวลาที่เข้ามัสยิดยังรู้สึกถึงจำนวนคนที่เยอะ แต่ไม่สามารถเทียบได้กับที่มักกะฮ์เลยแม้แต่นิดเดียว อินชาอัลลอฮ์ ถ้าไปหลายครั้งได้ก็คงจะดี อาจไปฮัจญ์หนึ่งครั้ง ต่อไปก็ไปทำอุมเราะฮ์ อินชาอัลลอฮ์ และจะพาครอบครัวไป ถ้าอัลลอฮ์ให้ไป ถามว่ายากไหม ถ้าอัลลอฮ์ให้ไปคงไม่ ยาก ความรู้สึกจะเหมือนว่าได้กลับไปเยี่ยมบ้านนะ
Islam more : รู้จักท่านนะบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไหม ?
Hamza : รู้จัก แต่ความรู้สึกผมว่าท่านไม่ใช่แค่ศาสดา ไม่ใช่ทำให้คนยอมรับเท่านั้น ท่านเป็นเราะซูล(ศาสนทูต) ผู้ที่เผยแพร่ศาสนา และถ่ายทอดศาสนามารุ่นแล้ว รุ่นเล่า ทุกวันนี้ก็ยังแข็งแกร่ง และทำให้มุสลิมเกิดขึ้นมากมาย ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ก็เลยรู้สึกว่าไม่มีอะไรบิดพริ้วครับ
Islam more : สังคมปัจจุบัน กับศาสนาอิสลามสามารถเข้ากันได้ไหม ?
Hamza : ผมว่าเข้าได้ เพราะสังคมปัจจุบันมีความแตกแยกกันอย่างมากมาย แต่สังคมมุสลิมไม่ค่อยมีให้เห็น เพราะเรามีศาสนาอิสลาม แสดงว่าต้องเปลี่ยนสังคมให้ใช้หลักการอิสลาม อินชาอัลลอฮ์ครับ เพราะเราเป็นประเทศที่เจริญแล้ว ถ้าทุกคนในประเทศมีศาสนาจะไม่มีเรื่องแตกแยกพวกนี้เลย ถ้าเราเอาศาสนามาเป็นรัฐธรรมนูญ แค่ทุกคนเคารพรัฐธรรมนูญนั้นประเทศก็เจริญแล้ว เหมือนกัน ถ้าศาสนาอิสลามทุกคนเคารพ ศาสนาก็ดำเนินไป ไม่มีเรื่องอื่นเลย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเกิดจากมีคนพยายามเปลี่ยนแปลงระบบต่างๆ เพราะระบบการเมืองก็มีพื้นฐานมาจากศาสนา เพราะฉะนั้นผมไม่ได้บอกว่าประเทศนี้ เป็นประเทศที่ไม่มีศาสนา มีครับ แต่การปฏิบัติการยึดถือไม่มีความเคารพกัน
Islam more : อยากได้อะไรในชีวิต ?
Hamza : อยากได้ความสุขครับ และอยากให้ทุกคนตรวจสอบตัวเองทุกวัน เช่น วันนี้เราพูดคำหยาบไปหรือเปล่า วันนี้เราทำอะไรไปบ้าง เราให้เงินคนเพราะอะไร วันนี้เราทอนเงินให้คนมาซื้อของครบไหม เราจะต้องตรวจสอบตัวเองทุกลมหายใจ ทุกก้าวเดิน ให้สำรวจตัวเองทุกวันก่อนนอน จริงๆ ต้องทุกช่วงของการละหมาดทั้งห้าเวลา ให้เขาได้เช็คตัวเองอยู่ตลอดเวลา
Islam more : มุสลิมทุกวันนี้เป็นอย่างไร ?
Hamza : ถ้าพูดถึงเรื่องศาสนาผมว่ามุสลิมทุกคนรู้ศาสนาก่อนผมอีก แต่ถ้าพูดถึงเรื่องอิหม่าน(ความเชื่อมั่นศรัทธา) อันนี้ผมไม่รู้นะ เพราะถ้ามุสลิมทุกคนมีอิหม่าน ยาเสพติดก็ไม่มี ขับรถเร็วก็ไม่มี
ผมอยากบอก มุสลิมตั้งแต่เกิดว่า คุณได้เปรียบผมแล้วนะหนึ่งก้าว และผมจะก้าวตามให้ทัน ส่วนจะนำหน้าหรือเปล่าอันนี้ก็แล้วแต่ เพราะคุณได้เปรียบผมแล้ว ก็จงรักษาความได้เปรียบอันนั้นไว้ อย่าให้ผมผลัดไม้ทัน อย่าให้ผมนำหน้าคุณ
Islammore : ขออัลลอฮ์ทรงประทานพรให้กับครอบครัวของฮัมซะฮ์ ให้ยืนหยัดอยู่ในหลักการที่เที่ยงตรงและปกป้องพวกเขาจากข้อมูลที่บิดเบือน และให้ทั้งสองได้ไปทำฮัจญ์สมดังความตั้งใจด้วยเถิด...อามีน
คัดจากเว็บ อิสลามมอร์
http://islammore.com/main/content.php?page=sub&category=43&id=2030