×

خطورة الشرك (تايلندي)

إعداد: ฟัยซอล อับดุลฮาดี

الوصف

مقالة باللغة التايلاندية ذكر فيها الكاتب بعض النماذج عن صور الشرك بالله سبحانه وتعالى التي تنتشر في أوساط بعض المجتمعات الإسلامية مثل: الطواف حول القبور، والنذر لغير الله، والدعاء من الميت وغيرها، وكذلك بعض أنواع الشرك التي قد تخفى عن عوام الناس والجاهلين عن شرع الإسلام الصحيح من نحو تحليل ما حرم الله وتحريم ما أحله، وكذلك التحاكم إلى القوانين الوضعية وتفضيلها على حكم الله عز وجل.

تنزيل الكتاب

    อันตรายของการชิริก

    ] ไทย – Thai – تايلاندي [

    อัดนาน นาแซ

    ตรวจทานโดย : อัดนาน

    ที่มา : วารสารใต้ร่มเงาอิสลาม

    2013 - 1434


    خطورة الشرك

    « باللغة التايلاندية »

    عدنان ناسي

    مراجعة: فيصل عبدالهادي

    المصدر: مجلة في ظلال الإسلام

    2013 - 1434

    ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ

    อันตรายของการชิริก

    ศาสนาอิสลามถือว่าชิริกหรือการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺนั้นเป็นความชั่วที่ร้ายแรงที่สุดและเป็นบาปที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาบาปทั้งหลาย ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

    «أَلَا أُنَبِّئُكُمْ بِأَكْبَرِ الْكَبَائِرِ (ثَلَاثًا) قَالُوا بَلَى يَا رَسُولَ اللَّهِ قَالَ الْإِشْرَاكُ بِاللَّهِ» [البخاري ومسلم]

    ความว่า “เอาไหมฉันจะบอกแก่พวกเจ้าถึงสิ่งที่เป็นบาปใหญ่ที่สุดในบรรดาบาปใหญ่ทั้งหลาย(สามครั้ง)?" เศาะหาบะฮฺตอบว่า “แน่นอน โอ้ท่านรอสูลุลลอฮฺ" ท่านได้ตอบว่า “(นั่นคือ)การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ" [บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺและมุสลิม]

    ชิริกนั้นมีทั้งที่ร้ายแรงจนถึงขั้นที่ทำให้ออกนอกศาสนาและทำให้คนที่กระทำต้องตกนรกอย่างถาวรหากเขาตายในสภาพที่ทำชิริก

    ตัวอย่างการกระทำที่เป็นชิริกในสังคมมุสลิม

    - การกราบไหว้ บูชาเจว็ด รูปปั้น รูปภาพ บุคคล ครูบาอาจารย์ กษัตริย์ เสาหรือธง หรือสิ่งใดๆนอกเหนือจากอัลลอฮฺ รวมถึง คนที่ทำอิบาดะฮฺ เช่น ละหมาด จ่ายซะกาต ถือศีลอด ทำหัจญ์ หรืออิบาดะฮฺใดๆ เพื่อบูชาให้สิ่งอื่นจากอัลลอฮฺ อันนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการทำชิริก

    - การเคารพสักการะกุโบรฺหรือหลุมฝังศพ หรือการที่เชื่อว่าคนดีหรือคนศอลิหฺที่เสียชีวิตไปแล้วจะสามารถให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้กับคนที่มีชีวิตอยู่ได้ อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﴿ ۞وَقَضَىٰ رَبُّكَ أَلَّا تَعۡبُدُوٓاْ إِلَّآ إِيَّاهُ﴾ [الإسراء: ٢٣]

    ความว่า “และพระเจ้าของเจ้าบัญชาว่า พวกเจ้าอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้น" [สูเราะฮฺอัล-อิสรออ์ อายะฮฺที่ 23]

    - การขอพร ขอดุอาอ์จากผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ เช่น จากนบี มลาอิกะฮฺ ญิน ชัยฏอน คนตาย รูปเจว็ด รูปปั้น รูปภาพ หรือสิ่งถูกสร้างที่ประหลาด เช่น วัวสองหัว ควายห้าขา เป็นต้น แม้ว่าคนที่เสียชีวิตไปแล้วจะเป็นคนดีหรือคนศอลิหฺแค่ไหนหรือแม้แต่เป็นนบีก็ตามก็ถือว่าเป็นชิริกเช่นที่ร้ายแรงเช่นเดียวกัน อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﴿ أَمَّن يُجِيبُ ٱلۡمُضۡطَرَّ إِذَا دَعَاهُ وَيَكۡشِفُ ٱلسُّوٓءَ وَيَجۡعَلُكُمۡ خُلَفَآءَ ٱلۡأَرۡضِۗ أَءِلَٰهٞ مَّعَ ٱللَّهِۚ قَلِيلٗا مَّا تَذَكَّرُونَ ٦٢ ﴾ [النمل: ٦٢]

    ความว่า “หรือผู้ใดเล่าจะตอบรับผู้ร้องทุกข์ เมื่อเขาวิงวอนขอต่อพระองค์ และทรงปลดเปลื้องความชั่วร้ายนั้น และทรงทำให้พวกเจ้า เป็นผู้ปกครองแผ่นดิน จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮฺอีกหรือ ? ส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าจะใคร่ครวญ" [สูเราะฮฺอัน-นัมลฺ อายะฮฺที่ 62]

    บางคนถึงขั้นที่นำเอาชื่อของคนดี โต๊ะครูหรือโต๊ะวลีหรือแม้แต่ท่านนบีมุฮัมมัดมาใช้จนติดปากไม่ว่าเขาจะนั่งจะยืนหรือเวลาที่ตกใจหรือประสบกับสิ่งไม่คาดฝันหรือเจอกับปัญหาหรือเกิดอุบัติเหตุหรือความยากลำบากต่างๆเช่น บางคนจะกล่าวว่า โอ้มุฮัมมัดเวลาหกล้มบางคนจะกล่าวว่าโอ้แม่ข้า โอ้พ่อข้า โอ้อาลี โอ้ฮุเซ็น โอ้ฟาฏิมะฮฺ หรือบางคนเชื่อว่าหมอคนนั้นล่ะที่ทำให้หายป่วย ถ้าไปหาหมอคนอื่น ไม่หายแน่ ต้องคนนี้คนเดียว เป็นต้น อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﴿ إِنَّ ٱلَّذِينَ تَدۡعُونَ مِن دُونِ ٱللَّهِ عِبَادٌ أَمۡثَالُكُمۡۖ فَٱدۡعُوهُمۡ فَلۡيَسۡتَجِيبُواْ لَكُمۡ إِن كُنتُمۡ صَٰدِقِينَ ١٩٤ ﴾ [الأعراف: ١٩٤]

    ความว่า “แท้จริงบรรดาผู้ที่พวกเจ้าวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮฺนั้นคือ ผู้ที่เป็นบ่าวเยี่ยงพวกเจ้านั้นเอง จงวิงวอนขอต่อพวกเขาเถิด แล้วจงให้พวกเขาตอบรับพวกเจ้าด้วย หากพวกเจ้าเป็นผู้พูดจริง" [สูเราะฮฺอัล-อะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 194]

    อย่างไรก็ตามการขอความช่วยเหลือ ขอความคุ้มครอง หรือขอให้พ้นภัยต่อผู้อื่นจากอัลลอฮฺ หมายถึงขอในสิ่งที่เกินขอบเขตของคนผู้นั้น หรือสิ่งนั้นจะกระทำให้ได้ แต่การขอความช่วยเหลือคนอื่นจากอัลลอฮฺ ที่ศาสนาอนุญาตคือขอในสิ่งที่อยู่ในความสามารถของความเป็นมนุษย์ เช่น ช่วยยกของหน่อย ช่วยเฝ้าบ้านให้หน่อย แต่การขอที่อยู่นอกเหนือความสามารถของมนุษย์เช่น ขอจากหมอให้มีลูก ขอให้หมอทำให้หายป่วย เหล่านี้ถือเป็นชิริก เพราะผู้ที่ประทานลูก ผู้ทรงรักษาจากความเจ็บป่วยคือพระองค์อัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น

    - เฏาะวาฟกุโบรฺ ก็ถือเป็นชิริกเช่นกัน จนถึงขั้นที่บางคนจะทำการของผู้ที่ตนเองคิดว่าเป็นคนดีคนศอลิหฺหรือเป็นโต๊ะครูผู้มีความรู้หรือโต๊ะวลี ยืนเคารพกุโบรฺด้วยความคุชูอฺ นอบน้อมต่ำต้อยต่อหน้ากุโบรฺ บางคนเอาใบหน้าไปสัมผัสกับกุโบรฺหรือแม้แต่สุญูดต่อกุโบรฺ โดยอ้างว่าเป็นการแสวงหาบารอกัตแต่ไม่ได้เคารพบูชาแต่อย่างใด บางคนจะลูบเช็ดกุโบรฺ จูบกุโบรฺเสมือนว่าเป็นหินดำที่กะอฺบะฮฺ บางคนจะโกนหัวต่อหน้ากุโบรฺเสมือนว่าไปทำหัจญ์หรืออุมเราะฮฺ จนถึงขั้นที่ได้มีการแต่งหนังสือตำรับตำราในหัวข้อ “การทำหัจญ์ที่กุโบรฺและหลุมฝังศพบรรดาวลี" เพราะพวกเขาเชื่อว่า บรรดาวลีสามารถควบคุมดูแลสิ่งต่างๆในจักรวาล สามารถให้คุณให้โทษได้ทั้งๆที่อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

    ﴿ وَإِن يَمۡسَسۡكَ ٱللَّهُ بِضُرّٖ فَلَا كَاشِفَ لَهُۥٓ إِلَّا هُوَۖ وَإِن يُرِدۡكَ بِخَيۡرٖ فَلَا رَآدَّ لِفَضۡلِهِۦۚ يُصِيبُ بِهِۦ مَن يَشَآءُ مِنۡ عِبَادِهِۦۚ وَهُوَ ٱلۡغَفُورُ ٱلرَّحِيمُ ١٠٧ ﴾ [يونس: ١٠٧]

    ความว่า “และหากอัลลอฮฺจะทรงให้ทุกข์ภัยประสบแก่เจ้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ปลดเปลื้องมันได้นอกจากพระองค์ และหากพระองค์ทรงปรารถนาความดีแก่เจ้าแล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดกีดกันความโปรดปรานของพระองค์ได้ พระองค์ทรงให้ประสบแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ" [สูเราะฮฺยูนุส อายะฮฺที่ 107]

    บางคนถึงขั้นที่ขอดุอาอฺต่อกุโบรฺให้หายป่วย ให้ได้ลูก ให้ได้ริซกีทรัพย์สินเงินทอง บางคนจะกล่าวต่อกุโบรฺว่า โอ้ท่าน ฉันจากบ้านมาไกลมาหาท่าน ขอท่านจงอย่าได้ทำให้ฉันผิดหวังเลย ทั้งๆ ที่อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

    ﴿ وَمَنۡ أَضَلُّ مِمَّن يَدۡعُواْ مِن دُونِ ٱللَّهِ مَن لَّا يَسۡتَجِيبُ لَهُۥٓ إِلَىٰ يَوۡمِ ٱلۡقِيَٰمَةِ وَهُمۡ عَن دُعَآئِهِمۡ غَٰفِلُونَ ٥ ﴾ [الأحقاف: ٥]

    ความว่า “และใครเล่าจะหลงทางมากไปกว่าผู้ที่วิงวอนขออื่นจากอัลลอฮฺที่มันจะไม่ตอบรับ (การวิงวอนของ) เขาจนถึงวันกิยามะฮ์ และพวกมันเฉยเมยต่อการวิงวอนขอของพวกเขา" [สูเราะฮฺอัล-อะหฺกอฟ อายะฮฺที่ 5]

    ท่านนบีมุหัมมัดก็ยังได้เตือนมิให้กระทำเหล่านี้เพราะจะทำให้คนๆ นั้นต้องตกนรก

    «مَنْ مَاتَ وَهْوَ يَدْعُو مِنْ دُونِ اللَّهِ نِدًّا دَخَلَ النَّارَ» [البخاري]

    “ผู้ใดที่เสียชีวิตในสภาพที่เขาดุอาอฺต่อสิ่งภาคีอื่นนอกจากอัลลฮฺจะตกนรก" [บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ]

    - การนะซัรหรือการบนบานต่อสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ ก็ถือเป็นอีกตัวอย่างของการทำชิริก เช่นบางคนกล่าวว่า ถ้าฉันหายป่วยฉันจะเชือดแพะให้กับโต๊ะตะเกี่ย ถ้าฉันสอบผ่านฉันจะถือศีลอดให้กับกุโบรฺนั้นกุโบรฺนี้ ถ้าฉันสมัครงานได้ฉันจะถวายของให้กับเจ้าที่นั้น ทั้งๆที่ท่านนบีได้กล่าวว่า

    «مَنْ نَذَرَ أَنْ يُطِيعَ اللَّهَ فَلْيُطِعْهُ وَمَنْ نَذَرَ أَنْ يَعْصِيَهُ فَلَا يَعْصِهِ» [البخاري]

    “ผู้ใดได้บนบานที่จะฏออัต(เชื่อฟัง)อัลลอฮฺเขาก็จงฏออัตพระองค์เถิด และผู้ใดได้บนบานที่จะฝ่าฝืนพระองค์เขาจงอย่าได้ฝ่าฝืนพระองค์" [บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ]

    เศาะหาบะฮฺท่านหนึ่งได้ถามท่านนบีว่า

    يَا رَسُولَ اللَّهِ إِنِّي نَذَرْتُ إِنْ وُلِدَ لِي وَلَدٌ ذَكَرٌ أَنْ أَنْحَرَ عَلَى رَأْسِ بُوَانَةَ ...... عِدَّةً مِنْ الْغَنَمِ ... فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : «هَلْ بِهَا مِنْ الْأَوْثَانِ شَيْءٌ؟» قَالَ : لَا، قَالَ : «فَأَوْفِ بِمَا نَذَرْتَ بِهِ لِلَّهِ» [أبو داود]

    “โอ้ท่านรอสูล แท้จริงฉันได้บนบานว่าหากลูกของฉันที่เกิดมาเป็นเด็กชาย ฉันจะเชือด ณ สถานที่ที่ชื่อบุวานะฮฺ ซึ่งแพะหลายตัว (มีรายงานว่า 50 ตัว)" ท่านนบีจึงได้ถามเขาว่า “สถานที่นั้นมีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเจว็ดไหม? เขาตอบว่า “ไม่มี" ท่านนบีจึงได้กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าจงปฏิบัติในสิ่งที่เจ้าได้บนบานต่ออัลลอฮฺให้สมบูรณ์เถิด" [บันทึกโดยอบูดาวูด]

    - การเชือดสัตว์พลีเพื่อถวายให้สิ่งอื่นจากอัลลอฮฺ ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของชิริกซึ่งเป็นการตั้งภาคีที่ร้ายแรง เนื่องจากการเชือดนั้นถือเป็นอิบาดะฮฺอย่างหนึ่งดังนั้นอัลลอฮฺจึงไม่อนุญาตให้มุสลิมเชือดสัตว์ถวายสิ่งอื่นนอกจากพระองค์ถึงแม้ว่าจะเชือดด้วยการกล่าวบิสมิลลาฮฺ(ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ) ก็ตาม ดังที่พระองค์ได้บัญชาท่านนบีว่า

    ﴿ فَصَلِّ لِرَبِّكَ وَٱنۡحَرۡ ٢ ﴾ [الكوثر: ٢]

    ความว่า "ดังนั้นเจ้าจงละหมาดเพื่อพระเจ้าของเจ้า และจงเชือดสัตว์พลี(เพื่อพระองค์)" [สูเราะฮฺ อัล-เกาษัรฺ อายะฮฺที่ 2]

    หมายความว่า จงเชือดเพื่ออัลลอฮฺเท่านั้นและด้วยพระนามของพระองค์เท่านั้น นอกจากนี้ผู้ที่เชือดเพื่อสิ่งอื่นจะประสบการการสาปแช่งจากอัลลอฮฺ ดังที่ท่านนบีได้กล่าวว่า

    «وَلَعَنَ اللَّهُ مَنْ ذَبَحَ لِغَيْرِ اللَّهِ» [مسلم]

    “และอัลลอฮฺจะทรงสาปแช่งผู้ที่เชือดสัตว์เพื่อสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ" [บันทึกโดยมุสลิม]

    ตัวอย่างของการเชือดที่เป็นชิริกในสมัยญาฮิลิยะฮฺและถูกสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันคือการเชือดถวายให้ญิน เช่นบางคนเมื่อปลูกบ้านใหม่ หรือซื้อรถใหม่ เขาจะเชือดสัตว์ตรงบันใดบ้านหรือตรงประตูเพราะเชื่อว่าสามารถป้องกันอันตรายจากญินได้

    สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการกระทำชิริกที่ค่อนข้างชัดเจน ดูได้ สังเกตได้ไม่ยากนัก แต่มีตัวอย่างของชิริกบางประการที่ผู้คนมากมายในสังคมมองไม่รู้ว่าชิริก หรือมองไม่ออก หรือไม่นึกว่าจะชิริก ทั้งๆที่สิ่งเหล่านี้ถือเป็นชิริกที่มีความร้ายแรงไม่แพ้กัน เช่น

    - การเปลี่ยนบทบัญญัติของอัลลอฮฺจากฮะรอมให้เป็นฮาลาลและจากฮาลาลให้เป็นฮะรอม เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการกระทำที่เป็นชิริกคือหรือความเชื่อที่ว่ามีผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺที่มีสิทธิในการบัญญัติเรื่องฮาลาลฮะรอมหรือการมอบให้ศาลและกฎหมายของมนุษย์เป็นตัวตัดสินปัญหาด้วยความยินยอมเต็มอกเต็มใจและมิได้ถูกบังคับแต่อย่างใดพร้อมกับเชื่อว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง อัลลอฮฺได้ทรงระบุรูปแบบการกุโบรนี้ในอายะฮฺต่อไปนี้

    ﴿ ٱتَّخَذُوٓاْ أَحۡبَارَهُمۡ وَرُهۡبَٰنَهُمۡ أَرۡبَابٗا مِّن دُونِ ٱللَّهِ﴾ [التوبة: ٣١]

    ความว่า “พวกเขา(ยิวและคริสต์)ได้ยึดเอาบรรดานักปราชญ์ของพวกเขา และบรรดาบาทหลวงของพวกเขาเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮฺ" [สูเราะฮฺอัต-เตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 31]

    ซึ่งเศาะหาบะฮฺท่านหนึ่งที่เชื่ออะดิยฺ บิน หาติมเมื่อได้ยินท่านนบีอ่านอายะฮฺนี้ ก็กล่าวถามท่านนบีว่า “พวกเขา(หมายถึงพวกยิวและคริสต์)มิได้เคารพสักการะบรรดานักบุญและบาทหลวงของพวกเขาแต่อย่างใด" แต่ท่านนบีได้ตอบว่า "ไม่ใช่ได้อย่างไร ในเมื่อบรรดานักบุญเหล่านั้นได้บัญญัติสิ่งที่อัลลอฮฺได้บัญญัติว่าฮะรอมให้เป็นฮาลาล และบัญญัติสิ่งที่อัลลอฮฺได้บัญญัติว่าฮาลาลให้เป็นฮะรอม และนั่นคือการเคารพสักการะพวกเขา"

    [บันทึกโดยอัต-ติรมิซียฺและอัลบัยฮะกียฺ เชคอัลบานียฺบอกว่าเป็นหะดีษหะสัน]

    นอกจากนี้อัลลอฮฺยังได้ระบุลักษณะของบรรดามุชริกีน(ผู้ที่ทำชิริก)ว่า

    ﴿وَلَا يُحَرِّمُونَ مَا حَرَّمَ ٱللَّهُ وَرَسُولُهُۥ وَلَا يَدِينُونَ دِينَ ٱلۡحَقِّ ﴾ [التوبة: ٢٩]

    ความว่า “และพวกเขาไม่งดเว้นสิ่งที่อัลลอฮฺและร่อสูลห้ามไว้ และไม่ปฏิบัติตามศาสนาแห่งความสัจจะ" [สูะเราะฮฺอัต-เตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 29]

    - เชื่อว่ามีกฎหมายอื่นหรือธรรมนูญอื่นเหมือนกันหรือดีกว่ากฎหมายของอัลลอฮฺ หรือเชื่อว่าอนุญาตให้ใช้กฎหมายอื่นแทนกฎหมายของอัลลอฮฺได้ หรือตั้งใจ(โดยมิได้ถูกบังคับ)บัญญัติกฎหมายที่ขัดแย้งกับอัลกุรอานหรือหะดีษของท่านนบี หรือผู้ที่ปฏิบัติตามกฎหมายใดๆที่ขัดกับกฎหมายของอัลลอฮฺด้วยความเต็มใจและพึงพอใจ หรือผู้ที่เรียกร้องไม่ให้ใช้กฎหมายของอัลลอฮฺ แม้ว่าจะเป็นบทบัญญัติเดียว เช่น สตรีที่เรียกร้องให้แบ่งมรดกเท่าๆกันหนึ่งต่อหนึ่งส่วนระหว่างชายกับหญิง หรือเรียกร้องให้บัญญัติกฎหมายห้ามมิให้ผู้ชายมีภรรยามากกว่าหนึ่งคน หรือไม่เห็นด้วยและคัดค้านบทบัญญัติที่อัลลอฮฺอนุญาตให้ชายแต่งงานได้4 คน หรือคัดค้านกฎหมายการประหารผู้ทำผิดประเวณีด้วยการขว้างจนตาย เหล่านี้ถือเป็นชิริก

    อีกหนึ่งตัวอย่างของชิริกที่มองไม่เห็นแต่มีความอันตรายมาก คือ ผู้ที่ทำอิบาดะฮฺเพื่อผลประโยชน์ทางดุนยา ให้คนชม หรือเพื่อให้คนเชื่อถือ หรือเพื่อให้ได้แต่งงาน หรือให้ได้ตำแหน่ง เพียงเท่านั้น แต่ไม่คิดทำเพื่ออัลลอฮฺเลยแม้แต่น้อย

    นี่เป็นเพียงบางตัวอย่างของการทำชิริกรูปแบบต่างๆ ที่มีอยู่ในสังคมมุสลิม อันที่จริงถ้าเรามองดูในสังคม ยังมีอีกหลากหลายการกระทำที่เป็นชิริกหรืออย่างน้อยก็เป็นหนทางไปสู่การทำชิริก เราต้องระมัดระวัง บอกกล่าว ตักเตือนตัวเรา ครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง ลูกหลาน เพื่อนฝูง ให้ห่างไกล ไม่ไปยุ่ง ไม่เข้าใกล้ การทำชิริก เพราะอันตรายของชิริกนั้นคือว่ามีความร้ายแรงมากที่สุดในบรรดาบาปทั้งหลาย กล่าวคือ ..

    อันตรายของชิริก

    - อัลลอฮฺจะไม่ทรงให้อภัย คนทำชิริก ในบรรดาบาปทั้งหลายนั้นชิริกคือบาปชนิดเดียวที่อัลลอฮฺจะไม่ทรงให้อภัยนอกจากว่าผู้ที่ทำชิริกต้องทำการเตาบัตกลับเนื้อกลับตัวอย่างจริงจังและด้วยความบริสุทธิ์ใจ อัลลอฮฺตรัสว่า

    ﴿ إِنَّ ٱللَّهَ لَا يَغۡفِرُ أَن يُشۡرَكَ بِهِۦ وَيَغۡفِرُ مَا دُونَ ذَٰلِكَ لِمَن يَشَآءُۚ وَمَن يُشۡرِكۡ بِٱللَّهِ فَقَدِ ٱفۡتَرَىٰٓ إِثۡمًا عَظِيمًا ٤٨ ﴾ [النساء: ٤٨]

    ความว่า “แท้จริงอัลลอฮฺ จะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้มีภาคี ขึ้นแก่พระองค์และพระองค์ทรงอภัยให้แก่สิ่งอื่นจากนั้นสำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดให้มีภาคีขึ้นแก่อัลลอฮฺแล้วแน่นอนเขาก็ได้อุปโลกน์บาปกรรมอันใหญ่หลวงขึ้น" [สูเราะฮฺอัน-นิซาอฺ อายะฮฺที่ 48]

    ﴿ إِنَّ ٱللَّهَ لَا يَغۡفِرُ أَن يُشۡرَكَ بِهِۦ وَيَغۡفِرُ مَا دُونَ ذَٰلِكَ لِمَن يَشَآءُۚ وَمَن يُشۡرِكۡ بِٱللَّهِ فَقَدۡ ضَلَّ ضَلَٰلَۢا بَعِيدًا ١١٦ ﴾ [النساء: ١١٦]

    ความว่า “แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้เป็นภาคีกับพระองค์ แต่พระองค์จะทรงอภัยโทษให้ซึ่งสิ่งอื่นจากนั้นสำหรับผู้ที่พระองค์ประสงค์ และผู้ใดให้มีภาคีขี้นแก่อัลลอฮฺแล้ว แน่นอน เขาก็ได้หลงทางไปแล้วอย่างไกล" [สูเราะฮฺอัน-นิสาอฺ อายะฮฺที่ 116]

    - ความดี ผลบุญกลายเป็นผุยผง นอกจากอัลลอฮฺจะไม่ให้อภัยแล้ว การงานความดีที่ทำมาแม้ว่าจะมากมาย ใหญ่โต ขนาดไหน ก็มลายหายไปกลายเป็นผุยผงได้ ถ้าทำชิริก ดังที่ อัลลอฮฺได้กล่าวแก่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม

    ﴿ وَلَقَدۡ أُوحِيَ إِلَيۡكَ وَإِلَى ٱلَّذِينَ مِن قَبۡلِكَ لَئِنۡ أَشۡرَكۡتَ لَيَحۡبَطَنَّ عَمَلُكَ وَلَتَكُونَنَّ مِنَ ٱلۡخَٰسِرِينَ ٦٥ ﴾ [الزمر: ٦٥]

    ความว่า “และโดยแน่นอน ได้มีวะฮียฺ(วิวรณ์)มายังเจ้า (มุหัมมัด) และมายังบรรดาคนก่อนหน้าเจ้า ว่า หากเจ้าตั้งภาคี (กับอัลลอฮฺ) แน่นอนการงานของเจ้าก็จะไร้ผล และแน่นอนเจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน" [สูเราะฮฺ อัซ-ซุมัรฺ 65]

    และอัลลอฮฺได้ตรัส ความว่า

    ﴿ وَقَدِمۡنَآ إِلَىٰ مَا عَمِلُواْ مِنۡ عَمَلٖ فَجَعَلۡنَٰهُ هَبَآءٗ مَّنثُورًا ٢٣ ﴾ [الفرقان: ٢٢]

    ความว่า “และเรามุ่งสู่ส่วนหนึ่งของการงานที่พวกเขา(บรรดาผู้ตั้งภาคี)ได้ปฏิบัติไป แล้วเราจะทำให้มันไร้คุณค่ากลายเป็นละอองฝุ่นที่ปลิวว่อน" [สูเราะฮฺ อัล-ฟุรกอน 23]

    *****

    معلومات المادة باللغة الأصلية